พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ พร้อมทีมไทยแลนด์ เดินทางสหรัฐฯ พบผู้แทนหลายหน่วย อัปเดตผลงานป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ ผลงานดีทุกมิติ ลุ้นขยับสู่เทียร์ 1

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) พร้อมคณะผู้แทนไทย นำโดย นายเชษฐพันธ์ มากสัมพันธ์ อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ นางจตุพร แสงหิรัญ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ และคณะ เดินทางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าพบหน่วยงานของสหรัฐอเมริกา รายงานผลการปฏิบัติ ร่วมหารือ การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ โดยในวันที่ 5 มีนาคม 2567 ได้เข้าพบผู้แทนองค์กร NGOs ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงแรงงาน และผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ของสหรัฐฯ

ต่อมาวันพุธที่ 6 มีนาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา คณะผู้แทนไทย และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ​ ได้ร่วมหารือกับกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา นำโดยท่านทูต Cindy Dyer Ambassador-at-Large, Office to Monitor and Combat Trafficking in Persons และ คุณ Desiree Suo Weymont Senior Coordinator, Report and Principal Affairs

กระทรวงการต่างประเทศฯ ที่รับผิดชอบการติดตามผลการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของทุกประเทศทั่วโลก ได้ให้ความสนใจกับการพิสูจน์ตัวตนเหยื่อในการทำประมงของประเทศไทย ที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินการ รวมถึงการช่วยเหลือแรงงานและนำเข้าสู่กระบวนการกลไกการส่งต่อระดับชาติ : National Referral Mechanism หรือ NRM เพื่อคัดแยกเหยื่อในเคส Scammer จากประเทศเมียนมา ซึ่งทางการไทยประสบความสำเร็จในการดำเนินการเช่นเดียวกัน รวมถึงความสำเร็จการทำงานร่วมกับเหยื่อในสถานคุ้มครองของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ระบุว่า การบังคับใช้กฎหมายของไทย มีการดำเนินคดีเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว จากคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น Cellebrite ในการสืบสวนหาพยานหลักฐาน และสามารถดำเนินคดีผู้กระทำความผิดในฐานครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กได้ และขยายสู่คดีค้ามนุษย์มากถึง 99 ราย ทั้งยังขยายผลจับกุมผู้ซื้อบริการทางเพศเด็กมากถึง 197 คน สูงกว่าปี พ.ศ.2565 ที่มีการดำเนินคดี 67 คน คิดเป็นร้อยละ 194.03

ส่วนกรณีที่มีการช่วยเหลือคนไทยกลับมาจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า ปัญหาสำคัญคือ ทั้งกัมพูชา และเมียนมา เป็นฐาน Hybrid Scam ที่สำคัญ

“ปี พ.ศ.2565 เราช่วยเหลือคนไทยมาจากประเทศกัมพูชา จำนวน 1,105 คน และคัดแยกเป็นเหยื่อได้ 242 คน ส่วนในปี พ.ศ.2566 คนร้ายได้ย้ายฐานไปอยู่ในประเทศเมียนมา และเราก็สามารถช่วยเหลือมาได้อีก 525 คน คัดแยกแล้วเป็นเหยื่อ 174 คน ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า สาเหตุที่คัดแยกแล้วเป็นเหยื่อน้อย ก็เพราะส่วนใหญ่แรงงานไทยสมัครใจไปทำงาน เพราะค่าตอบแทนสูง แต่ที่ต้องการกลับประเทศไทย ก็เพราะภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา อย่างไรก็ตามเรา ได้สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในเครือข่ายของเมืองเล้าก์ก่าย ได้จำนวน 2 เครือข่าย ออกหมายจับผู้ต้องหาได้รวม 34 คน จับกุมไปแล้ว 26 คน หลบหนีอยู่ 8 คน และปัจจุบันฐาน Hybrid Scam ก็ได้ย้ายฐานไปเมืองเมียววดี และชเวโก๊ะโก ซึ่งตำรวจจับกุม นายสือ จื้อเจียง นายทุนใหญ่กลุ่มจีนเทา ที่สร้างเมืองชเวโก๊ะโก และเป็นหนึ่งในสามบุคคลที่ทางการสหรัฐฯ คว่ำบาตรไว้ได้ และปัจจุบันอยู่ในความควบคุมในเรือนจำของทางการไทย

“ส่วนการช่วยเหลือคนไทยมาจากเมืองเล้าก์ก่ายนั้นยากลำบาก ต้องอาศัยความร่วมมือผ่านแดน นำคนไทยออกมาทางเมืองคุนหมิง และส่งเครื่องบินเช่าเหมาลำไปรับกลับประเทศไทย”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวด้วยว่า การช่วยเหลือแรงงานพม่าในการประมง เราได้ดำเนินคดีกับเจ้าของเรือประมง และส่งเหยื่อแรงงานพม่ารายดังกล่าวกลับประเทศเมียนมาไปแล้ว ขณะที่การป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ถือว่าดีขึ้นกว่า 3 ปีที่ผ่านมา

รอง ผบ.ตร. ย้ำว่า ไม่อยากให้มองเพียงประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะรอบข้างประเทศไทย มีการคอร์รัปชั่นสูง จึงเป็นฐานที่ตั้งของ Call Center ทำให้ปัญหาการค้ามนุษย์ในภูมิภาคยังคงอยู่ แต่ประเทศไทยก็ยังคงต่อต้านการค้ามนุษย์ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยขยับขึ้นสู่ Tier 1 ให้ได้

“หากมองในแง่ความเป็นภูมิภาคควรสนับสนุนให้ประเทศไทยขยับสู่ Tier 1 เพื่อเป็นผู้นำในภูมิภาคในการแก้ไขปัญหาค้ามนุษย์ในระดับภูมิภาคอย่างจริงจัง”

ทั้งนี้ ตัวแทนของสหรัฐฯ ได้กล่าวชื่นชมด้านการบังคับใช้กฎหมายที่นำโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างก้าวกระโดด มีจำนวนคดีค้ามนุษย์เพิ่มขึ้น มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กเพิ่มมากขึ้น มีการพิสูจน์ตัวตนเหยื่อได้มากขึ้น อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมการดำเนินการช่วยเหลือคนไทยมาจากประเทศเมียนมา และขยายผลดำเนินคดีกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งถือเป็นความเข้มแข็งในด้านการบังคับใช้กฎหมายอย่างแท้จริง โดยจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมการต่อต้าน Hybird Scam ในอนาคต เพื่อสนับสนุนการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”

ต่อมาเวลา 15.30 น. คณะผู้แทนไทย ได้พบกับ สส.Chris Smith ณ ห้องทำงานของในอาคาร Rayburn ซึ่งเป็นที่ทำการของ สส.ในสภาคองเกรส โดยการหารือครั้งนี้ สส.คริส สมิธ ให้ความสนใจเกี่ยวกับเคสผู้ลี้ภัยชาวจีน จากคริสตจักรเมย์ฟลาวเวอร์ 63 คน ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ ชี้แจงว่ากรณีดังกล่าว เราพบกลุ่มคนจีนในปี พ.ศ.2566 ที่พัทยา จว.ชลบุรี และนำเข้ากระบวนการ NRM พบว่าไม่มีผู้ใดเป็นเหยื่อค้ามนุษย์เลย จึงได้ดำเนินการส่งมายังประเทศสหรัฐอเมริกา ครบทั้ง 63 คนเรียบร้อยแล้ว รวมถึงได้ชี้แจงถึงสถานะการปฏิเสธนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ที่มีประวัติล่วงละเมิดทางเพศเด็ก

”โดยระบุว่า ในปี พ.ศ.2566 สตม.ไทย ปฏิเสธไปทั้งสิ้น 24 คน เป็นสัญชาติอเมริกัน 20 คน และในต้นปี พ.ศ.2567 ก็ได้ปฏิเสธคนสัญชาติอเมริกันไปอีก 2 คน ซึ่งตอนนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย อยู่ระหว่างการยกร่างกฎหมายเช่นเดียวกับ Megan’s Law ที่มีในสหรัฐอเมริกา“

สส.คริส สมิธ ได้แนะนำเพิ่มเติม ให้ทำการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการปฏิเสธคนเข้าเมืองกรณีดังกล่าวออกไป เมื่อนักท่องเที่ยวประเภทนี้ทราบก็จะไม่กล้าเข้าประเทศไทย

ส่วนโครงการ Child Safe Tourism Project ที่นอกจากจะขับเคลื่อนในโรงแรมทั่วประเทศแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า ตอนนี้ได้ขยายไปสู่อุตสาหกรรมสายการบิน และภาคการขนส่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ตามคำแนะนำของ สส.คริส สมิธ แล้ว เพื่อให้ห่วงโซ่การท่องเที่ยวของประเทศไทยปลอดภัยสำหรับเด็กทุกคน

ส่วนการยกระดับการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในเด็ก ให้กับนักเรียนในโรงเรียน สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้ความสำคัญ และดำเนินโครงการ D.A.R.E. 2 C.A.R.E ไปทั่วประเทศ ผ่านครูแดร์ทั้ง 1,484 สถานีตำรวจ

“โดยในปี พ.ศ. 2566 ให้การอบรมไป 38,469 ครั้ง ผู้เข้ารับการอบรม 946,268 คน ในสถานศึกษา 22,164 แห่ง และชุมชน 4,268 แห่ง”

รอง ผบ.ตร.ย้ำว่า ศพดส.ตร. มีผลการปฏิบัติก้าวกระโดดเพิ่มมากขึ้นทุกปี ขยับจาก Tier 2 Watchlist สู่ Tier 2 และในปีนี้เรามีลุ้นขึ้นสู่ Tier 1 หากประเทศสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญและต้องการผลักดันให้ประเทศไทย เป็นผู้นำหรือประเทศต้นแบบในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงในการต่อต้านการค้ามนุษย์ และเป็นการขยายวงพัฒนาการออกไปจากประเทศสู่ระดับภูมิภาคอย่างแท้จริง

#ปราบปรามการค้ามนุษย์

#สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

#Royalthaipolice

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *